จันทราวรรณ
เสมาทอง
สังคมไทยในปัจจุบันมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
จากอดีตจนถึงปัจจุบันเรียกอีกอย่างว่า“ยุคใหม่”
มีการพัฒนาทั้งทางด้านเทคโนโลยี การอุตสาหกรรม การคมนาคม
รวมไปถึงการสื่อสารที่มีความซับซ้อนมากขึ้น อีกทั้งได้มีวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามีอิทธิพลในสังคมไทย ทำให้มีคำใหม่เกิดขึ้นมากมาย มีการยืมคำต่างประเทศมาใช้ อย่างคำว่า “สตรอง”
ซึ่งเป็นคำที่พูดติดปากและเป็นกระแสดังในโลกโซเชียวเน็ตเวิร์คในขณะนี้
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “สตรอง”
อยู่บ้างแล้ว ซึ่งเป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษตรงกับคำว่า “Strong” พจนานุกรมฉบับแปลอังกฤษ-ไทย
(2554: หน้า 507) ได้ให้ความหมายไว้ว่า “Strong” (สตรอง) หมายถึง แข็งแรง
เข้มแข็ง มั่นคง แน่นหนา โดยรวมๆแล้วก็หมายถึง เข้มแข็งนั่นเอง
จุดเริ่มต้นที่ทำให้คำว่า “สตรอง”
เป็นคำพูดติดฮิตติดปากคนไทยก็คือ มาจากรายการ The Face Thailand
Season 2 (2558, ตุลาคม, 24)
เป็นรายการที่โด่งดังในขณะนั้น โดยเมนเทอร์ลูกเกด (เมทินี กิ่งโพยม) ได้พูดไว้ในรายการตอนที่กำลังสอนลูกทีมถ่ายแบบ
ช่วงนี้เองเมนเทอร์ลูกเกดได้พูดคำว่า “สตรอง” ซึ่งจัดเต็มทั้งหน้าและเสียง
ชาวเน็ตก็ได้นำคลิปตอนพูดสตรองไปตัดต่อ
ทำให้เรียกเสียงฮาจากชาวโซเชียวเน็ตเวิร์คได้ไม่น้อย สิ่งนี้เองทำให้คำว่า“สตรอง”กลายเป็นคำฮิตติดปากคนไทยโดยเฉพาะวัยรุ่นโดยปริยาย
ในโลกโซเชียวเน็ตเวิร์คก็ได้มีการใช้คำว่า
“สตรอง” กันอย่างแพร่หลาย ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์หรือแม้กระทั่งบทความต่างๆ
ล้วนใช้คำว่าสตรองเข้ามาเสริทบทเสมอจะเห็นได้จากข้อความที่บุคคลใช้โพสต์กันมากมายเหล่านี้
คนไทยส่วนใหญ่นั้นจะใช้คำว่า “สตรอง”
ในความหมายเชิงบวก ก็คือ เหมือนพูดให้กำลังใจตัวเองในเชิงต้องสู้ต่อไป
ต้องอยู่ให้ไหว อยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง ตัวอย่างเช่น
ข้อความบนทวิตเตอร์ที่บุคคลหนึ่งโพสต์ความประมาณว่าอกหักจากใครสักคนหนึ่ง
เขาจึงต้องสตรอง ก็คือต้องอยู่ให้ได้ ต้องเข้มแข็งเข้าไว้
อีกตัวอย่างข้อความบนเฟซบุ๊กที่บุคคลหนึ่งโพสต์ความประมาณว่าให้กำลังใจตัวเองว่าต้องสตรองเข้มแข็งกับงานในเดือนนี้
จะสังเกตว่าคนไทยจะนิยมใช้คำคำทับศัพท์คำว่า“สตรอง”
มากกว่าที่จะใช้คำไทยที่ตรงกับคำว่า “แข็งแรง” ซึ่งดิฉันศึกษามา พจนานุกรมฉบับราชบัญฑิตยสถาน
พ.ศ. 2542 (2559: ย่อหน้า 1) ได้ให้ความหมายไว้ว่า “แข็งแรง” หมายถึงมีกําลังมาก
ลํ่าสัน มั่นคง คงทน ฯลฯ
สิ่งที่ทำให้คนนิยมใช้คำว่า “สตรอง”
มากกว่า “แข็งแรง” ก็เพราะคำว่าสตรองเป็นคำที่พูดแล้วดูดี มีระดับ เข้ากับปัจจุบัน
ซึ่งความหมายของคำว่าสตรองก็ไม่ตรงตัวเสมอไปทำให้สื่อความหมายได้หลากหลาก
ตัวอย่างเช่น
“เราต้องสตรอง” หมายถึง
เราต้องแข็งแรง เราต้องสู้ หรืออาจหมายถึงเราต้องเข้มแข็งก็ได้
“เราต้องแข็งแรง”
หมายถึงเราต้องมั่นคง ประโยคของเรานั้นอาจจะฟังดูแปลกๆ ในการสื่อความหมายก็จะผิดเพี้ยนไปอีกด้วย
เราจะเห็นได้ว่าทั้งสองคำนี้เป็นคำคำเดียวกัน
แต่เมื่อนำคำแต่ละคำมาใช้แล้วในบริบทเดียวกันแล้วทำให้ความหมายของบริบทนั้นๆเปลี่ยนไป
ซึ่งคนก็จะนิยมใช้คำว่า “สตรอง”
มากกว่านั่นเอง ทั้งนี้เนื่องด้วยสังคมที่เปลี่ยนไปเป็นยุคสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆ
วัฒนธรรมต่างชาติเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
การสื่อสารก็เลยเปลี่ยนไปตามกระแสของโลก คำที่รับเข้ามาก็มากขึ้น
เมื่อมีบุคคลหนึ่งจุดประกาย ใช้คำว่าสตรองที่รับมาจากภาษาต่างประเทศขึ้นมา คนอื่นๆ
ที่อยู่ก็จะใช้ตามกันไปเรื่อยๆ ทำให้คำว่า “สตรอง”
ใช้กันมากจนเป็นคำที่ฮิตพูดติดปากคนไทยนั่นเอง
ฝากไว้ เผื่อเสนอราชบัณฑิต นะครับ
ตอบลบว้าววววววว
ตอบลบ